เควิน เดอ บรอยน์ มิดฟิลด์ระดับตำนานของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ออกมาเปิดเผยเบื้องหลังการตัดสินใจอำลาพรีเมียร์ลีกและเลือกย้ายไปร่วมทีม นาโปลี ในวัย 34 ปี โดยชี้ว่าเป็นโอกาสในการหาความท้าทายใหม่ และยังต้องการเรียนรู้แนวทางการเล่นที่แตกต่างในลีกอิตาลี
หลังจากอยู่กับ “เรือใบสีฟ้า” มานานกว่าทศวรรษ พาทีมกวาดแชมป์ในประเทศและยุโรป พร้อมถูกยกให้เป็นหนึ่งในกองกลางที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก เดอ บรอยน์ ก็ตัดสินใจโบกมือลาเพื่อมุ่งสู่บทใหม่ของชีวิตค้าแข้ง
“ผมเล่นในอังกฤษมานาน และรู้สึกว่านี่คือช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเปลี่ยนแปลง”
เดอ บรอยน์ กล่าว
“ผมจะยังเป็นนักเตะของแมนฯ ซิตี้ ไปตลอดชีวิตในแง่ของหัวใจ แต่ตอนนี้ผมอยากลองสิ่งใหม่ และโปรเจ็กต์ของนาโปลีมันน่าตื่นเต้นมากสำหรับผม”
หนึ่งในแรงจูงใจสำคัญคือการได้ร่วมงานกับ โรเมลู ลูกากู เพื่อนร่วมทีมชาติเบลเยียมอีกครั้ง รวมถึงการได้ทำงานกับกุนซือจอมแท็กติกอย่าง อันโตนิโอ คอนเต้ ที่เพิ่งเข้ารับงานคุมทัพนาโปลี
“ผมคุยกับโรเมลูในแคมป์ทีมชาติ เขาตื่นเต้นมากกับไอเดียที่เราจะได้เล่นด้วยกันอีกครั้ง”
“เราโตมาด้วยกัน รู้จักกันตั้งแต่อายุ 13 ปี ตอนอยู่เชลซีเราก็เคยอยู่ด้วยกัน มันเลยง่ายขึ้นมากสำหรับผมในการปรับตัวที่นี่”
ดาวเตะวัย 34 ปี ยังกล่าวถึงความคาดหวังในการย้ายมาค้าแข้งที่อิตาลีว่า ต้องการช่วยให้สโมสรพัฒนาต่อไป พร้อมเรียนรู้แนวทางการเล่นใหม่ ๆ และสนุกกับการแข่งขันในระดับสูงอีกครั้ง
แฟนบอลสามารถติดตามฟอร์มของเดอ บรอยน์ และการรวมพลังของเขากับลูกากูในลีกอิตาลี ได้ผ่าน เว็บดูบอล ที่อัปเดตทั้งไฮไลต์ ผลการแข่งขัน และบทวิเคราะห์เชิงลึกจากกัลโช่ เซเรีย อา แบบเรียลไทม์